วงแหวนเว็บ

neizod's speculation

insufficient data for meaningful answer

Train to Busan

Saturday, September 24, 2016, 07:21 PM

หนังซอมบี้ที่หลายคนกำลังอวย … ไปดูมาแล้วรู้สึกไม่ค่อยชอบแฮะ

เริ่มมาเลยก็คือดราม่าหนักสไตล์หนังเอเชีย (หรือแค่เกาหลี?) ที่ล้นมากเกินจนเข้าขั้นน่ารำคาญ บางจังหวะก็ยัดเยียดดราม่าอยู่นั่นแหละ ไม่ได้ดูความสอดคล้องเป็นไปได้กับเนื้อเรื่องเลย

เรื่องต่อมาก็คือความสมเหตุสมผลของบท (ถึงแม้จะตัดประเด็นซอมบี้ที่คนยังเถียงกันอยู่ว่าเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหน) อย่างเช่นว่าระบบสาธารณูปโภคที่ยังใช้งานได้ ไฟฟ้าไม่ดับ มีคลื่นโทรศัพท์ใช้ … หรืออย่างตอนจบทำไมต้องร้องเพลงในอุโมงค์?

จากสองข้อข้างบนทำให้คิดว่าคนเขียนบทคงเขียนจากหลังมาหน้าแฮะ คือวางแผนไว้แล้วแหละว่าใครจะตาย ใครจะรอด ถ้าตายจะตายด้วยวิธีไหน ตายตอนไหน แล้วก็เขียนผูกมาเรื่อยๆ จนถึงต้นเรื่องว่าต้องวางปมอะไรไว้ตรงไหนบ้าง

พอเป็นแบบนี้ก็เลยรู้สึกว่าบทมันหลอกๆ ไม่เหมือนกับในชีวิตจริงที่แม้ว่าเราจะพอมองเห็นอนาคตลางๆ จากการกระทำที่ผ่านมาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่สามารถฟันธงได้อย่างแน่ชัดว่าจะมีเหตุร้ายอะไรมาขัดจังหวะหรือไม่

ซึ่งเอาจริงๆ หนังทุกเรื่องก็คงทำงี้แหละมั้ง เขียนบทจากหลังมาหน้า โรยเศษขนมปังย้อนกลับมาเรื่อยๆ … เพียงแต่เรารู้สึกว่าหนังเรื่องอื่นทำได้เนียนกว่านี้ไง (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเค้าทำยังไง อาจจะทบทวนบทจากหน้าไปหลังอีกหลายทีว่าโอเคมั้ย? หรือว่าใส่เหตุการณ์โง่ๆ ไม่คาดคิดเข้าไปเพื่อให้คล้ายชีวิตจริง?)

แต่ที่แย่ที่สุดของหนังสำหรับเรา คงหนีไม่พ้นการนำเสนอภาพสังคมแบบชุมชนนิยม (collectivism) แบบสุดโต่ง ทุกคนที่แม้ไม่รู้จักกันมาก่อนแต่ต้องมาตกในสถานการณ์เดียวกัน แต่ก็เชื่อในตัวผู้นำกลุ่มโดยไม่ตั้งคำถาม ไม่มีข้อขัดแย้ง เพียงเพราะแค่ว่าเขาเป็นคนมีอำนาจ มีเงิน มีอายุ

คือภาพปัจเจกนิยม (individualism) มันหายไปจากในหนังจนเกือบหมด ตัวละครเล็กๆ น้อยๆ นี่มีค่าแค่ตัวประกอบ สั่งหันซ้ายหันขวาก็ทำตามเหมือนไม่มีสมอง

แน่นอนพอหนังเลือกที่จะสะท้อนภาพสังคมแบบชุมชนนิยมแล้ว สิ่งที่ตามมาก็คือความงี่เง่าไร้เหตุผลของการกระทำสิ่งต่างๆ เพราะทุกคนในสังคมมีแนวโน้มจะไม่ออกความคิดเห็นหากต้องขัดแย้งกับผู้นำ จนกลายเป็นสังคมที่คุยกันด้วยเหตุผลไม่ได้

ซึ่งก็ต้องโทษเหล่าตัวละครด้วยที่ไม่คุยกันด้วยข้อมูลแต่แรก เฮ้ยซอมบี้มันมองไม่เห็นในที่มืดนะ เราใช้วิธีหลบมันมาตอนรถไฟวิ่งลอดอุโมงค์ หากโดนซอมบี้กัดจะมีช่วงเวลาก่อนกลายร่างประมาณหนึ่งนาที อะไรงี้

กลายเป็นบอกแค่ว่า “เฮ้ย กูฝ่าดงซอมบี้มาได้ อยู่ขบวนไหนเดี๋ยวไปหา” … แบบนี้ต่อให้เป็นปัจเจกนิยมก็เหอะ ใครจะไปเชื่อว่าอีกกลุ่มไม่ได้เอาเชื้อมาปล่อย?

สุดท้ายสังคมแบบนี้ก็จะล่มสลายเอาได้ง่ายๆ จากพลังเงียบของคนไม่กี่คนทนไม่ได้แล้วกับการโดนกดหัว เหมือนอย่างที่ป้ายอมฆ่าตัวตายพร้อมทำลายสังคมเน่าเฟะแบบนี้ลงไปด้วย

กลายเป็นแค่หนังสะท้อนภาพสังคมแย่ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องเสียตังค์ตีตั๋วเข้าไปดูในโรงก็ได้ แค่นอนตีพุงเปิดทีวีที่บ้านก็พอ

neizod

author